วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557
เมตตา วาจาสิทธิ์ อายุยืน รวยสมปรารถนา
“พระธาตุวัดบ้านโนนแกด” เป็นโบราณสถานที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ เดิมเป็นพระธาตุที่ก่อด้วยอิฐทั้งองค์ มีลักษณะคล้ายพระธาตุพนม ส่วนยอดจะกลม ที่ยอดพระธาตุจะมีฉัตรสำริดหลายชั้นและมีกระดิ่งโลหะเมื่อลมพัดจะมีเสียงดัง ในทุกวันพระจะมีแสงลอยออกจากยอดพระธาตุ จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านให้ความนับถือแห่มากราบไหว้สักการบูชาตลอดอย่างต่อเนื่อง แต่ต่อมาองค์พระธาตุได้ล้มลงมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกับพระธาตุพนมล้ม ชาวบ้านที่เคยไปเคารพกราบไหว้ต่างรู้สึกเสียดายได้ช่วยกันนำชิ้นส่วนที่สำคัญเก็บไว้
ต่อมาในสมัยที่ หลวงปู่เกลี้ยง เตชธมฺโม หรือ พระครูโกวิทพัฒโนดม เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน มาจำพรรษาที่วัดบ้านโนนแกด ได้มีศรัทธาร่วมกับคณะกรรมการวัดและพระผู้ใหญ่ในจังหวัด วางแผนบูรณะ โดยเชิญเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร มาดำเนินการขุดกรุฐานองค์พระธาตุ พบโบราณวัตถุมีค่ามากมาย อาทิ พระพุทธรูปทองคำ ๑๖ องค์ ผอบบรรจุพระบรมธาตุ ๑ ใบ พระพุทธรูปเงิน ๑ ถาด บาตรพระ ๓ ใบ ดาบโบราณ ๑ เล่ม แหวนประดับพลอย ๔ วง และอื่น ๆ อีกหลายรายการ จึงได้จัดสร้างห้องเก็บไว้ อย่างปลอดภัย
เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่ดำเนินการขุด ให้ความเห็นว่าพระธาตุบ้านโนนแกดมีอายุกว่า ๑,๔๐๐ ปี ก่อนล้มลง เคยได้รับการบูรณะมาแล้ว ๑ ครั้ง การบูรณะครั้งหลังสุดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นการบูรณะครั้งที่ ๒ องค์พระธาตุวัดโนนแกดนั้นเป็นที่ศรัทธาของประชาชนชาวเมืองศรีสะเกษและใกล้เคียงมาก เช่นเดียวกับ “หลวงปู่เกลี้ยง” ที่มีอายุ ๑๐๓ ปี มีญาติธรรมจากทั่วประเทศเดินทางมากราบนมัสการขอพรเป็นประจำ เป็นพระสงฆ์นักพัฒนาและมีวิชาความรู้ทางด้านพระคาถาอาคมที่นำมาช่วยสงเคราะห์ชาวบ้าน
หลวงปู่เกลี้ยง เป็นชาวบ้านก้านเหลือง ต.หมากเขียบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ มีนามเดิมว่า “เกลี้ยง คุณมานะ” เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๔๕๑ หลังเรียนจบมัธยม ๓ เข้าเป็นครูช่วยสอนที่โรงเรียนบ้านโนนแกด สอนได้ประมาณ ๒ เดือน ทางราชการให้ย้ายไปช่วยสอนที่โรงเรียนบ้านโพรง ต.ไพรบึง อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นเวลา ๓ ปี ๖ เดือน
ในช่วงที่สอนหนังสืออยู่นั้น สุขภาพร่างกายของท่านไม่ค่อยดีนัก จึงขอลาออกมารักษาตัว เมื่อสุขภาพดีขึ้นแล้ว ได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดบ้านโนนแกด ท่านเล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา อีกทั้งมีประสบการณ์ด้านการสอนมาแล้ว จึงขออนุญาตเจ้าอาวาสไปเรียนนักธรรมที่วัดบ้านดวนใหญ่ กิ่งอำเภอวังหิน จ.ศรีสะเกษ
หลังจากนั้นหลวงปู่เกลี้ยง ได้เข้ากรุงเทพฯไปเรียนนักธรรมตรีที่สนามหลวง โดยมีพระภิกษุสามเณร ไปสอบ ๔๗ รูป ปรากฏว่าหลวงปู่เกลี้ยงและพระภิกษุสิงห์ สอบผ่านแค่ ๒ รูป เท่านั้น เมื่อจบแล้วได้กลับมาเรียนต่อนักธรรมโทที่จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ยังไม่ทันสำเร็จ ทางราชการก็มีหมายเรียกให้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร ท่านจึงลาสิกขาออกไปช่วยชาติ หลังปลดประจำการแล้ว ท่านได้ใช้ความรู้ความสามารถพิเศษที่เคยมีมาในขณะรับราชการทหาร สมัยออกรบสงครามมหาเอเชียบูรพา ช่วยชาวบ้านรักษาพยาบาลด้วยสมุนไพรจนหายจากการเจ็บป่วยจำนวนมาก ทำให้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ขณะอายุ ๖๗ ปี หลวงปู่เกลี้ยงได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบ้านแทง ต.ซำ อ.เมือง จ.ศรีสะ เกษ โดยมีพระเกษตรศีลาจารย์ วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูประศาสน์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์บุญทัน เป็นพระอนุสาวนา จารย์ ได้ฉายาว่า “เตชธมฺโม” จากนั้นได้เริ่มศึกษากรรมฐานโดยออกธุดงค์ไปเรียนวิชาจากหลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ชอบ รวมทั้งหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ สุดยอดเกจิอาจารย์แห่งบุรีรัมย์ จนมีความชำนาญทั้งด้านพระกรรมฐาน และพุทธาคม จากนั้นได้เดินทางมาอยู่ที่วัดบ้านโนนแกด
หลวงปู่เกลี้ยง ไม่เคยหยุดนิ่งในการช่วยเหลืองานพระศาสนา และงานเพื่อส่วนรวมของประชาชน โดยเฉพาะงานบูรณะพัฒนาวัดโนนแกด ได้สร้างสรรค์และนำความเจริญมาสู่วัดจนเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน อีกทั้งยังให้ความเมตตาช่วยเหลือวัดวาอารามต่าง ๆ ใน จ.ศรีสะเกษอย่างเต็มที่ และที่ผู้คนยอมรับนับถืออย่างมากก็คือ การสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาลแก่ผู้ประสบเคราะห์ชะตากรรมต่าง ๆ ด้วยตำรับยาแพทย์แผนโบราณ อีกทั้งเป็นพระที่สำเร็จอภิญญาญาณ สามารถทำนายทายทักเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ และมีวาจาสิทธิ์ พูดคำไหนเป็นคำนั้น โดยลูกศิษย์หลาย ๆ คนได้พบเจอประสบการณ์ความมหัศจรรย์ในตัวหลวงปู่เกลี้ยง
นอกจากนี้ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ดำรงตนแบบสมถะ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ มักจะสั่งสอนญาติโยมด้วยข้อธรรมชี้นำแนวทางแห่งการสร้างความดี เพื่อใช้การดำเนินชีวิต ด้วยคุณงามความดีได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ “พระครูโกวิทพัฒโนดม” พร้อมตาลปัตรพัดยศ เมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๕ ธ.ค. ๕๒ มหาเถรสมาคมมีมติให้เลื่อนชั้นจากตำแหน่งพระครูเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นเอก เป็นเทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก เนื่องจากหลวงปู่เกลี้ยงมีอายุมากถึง ๑๐๓ ปีแล้ว จึงได้นำพระบัญชาตราตั้งมาถวายแก่หลวงปู่เกลี้ยงที่วัด
0 ความคิดเห็น